Thursday, November 1, 2007

ตัวอักษรแห่งอนาคตที่ถูกออกแบบในอดีต

บทความเรื่อง Helvetica ก่อนตีพิมพ์จริงในนิตยสาร room
ฉบับเดือน ธันวาคม ๒๕๕๐

ทุกอย่างย่อมมีวันหมดอายุ สิ่งของมีวันเสื่อมสภาพ งานออกแบบในแต่ละยุคก็มีวันจบลง หากย้อนดูงานออกแบบในยุคก่อนๆ สไตล์ของแต่ละยุคจะมีความจัดจ้านที่แตกต่างกัน อีกทั้งให้ความรู้สึกของความเป็นอดีตที่ชัดเจน เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเรามองจากปัจจุบันย้อนกลับไป

ตัวอักษรหนึ่งชุดที่มีอายุมากว่า ๕๐ ปี มีมากกว่างานออกแบบหลายชิ้นรวมกัน แต่กลับให้ความรู้สึกสดใหม่อยู่เสมอ Helvetica (เฮลเวทิก้า) คืออักษรชุดนั้นที่กำลังพูดถึง



"๕๐ ปี" นับว่าไม่ใช่น้อยเลยสำหรับอายุของตัวอักษรที่ได้รับการหยิบมาใช้โดยนักออกแบบหลายยุคหลายสมัย หลายสัญชาติทั่วโลก เป็นแบบตัวอักษรที่เราได้พบเห็นผ่านตากันบ่อยครั้ง หรือถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ เฮลเวทิก้า มาก่อน แต่เชื่อว่าคุณคงจะต้องเคยเห็นมันมาแล้วอย่างแน่นอนนับครั้งไม่ถ้วน ภาพตัวอักษรที่ไม่มีสันฐาน เรียบ สะอาดตา และให้ความรู้สึกมั่นคง หนักแน่น

หากยังคิดภาพไม่ออกจากคุณสมบัติข้างต้น นึกถึงโลโก้ Toyota, Intel, Nestlé, Evian, Orange, American Airlines, Jeep และโลโก้ต่างๆอีกนับไม่ถ้วน ตัวอักษรหนึ่งชุดที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสายการบินระดับโลก เป็นตัวแทนความแข็งแรงของบริษัทรถยนต์ เป็นตัวแทนของความชัดเจนของแบรนด์ระดับแนวหน้าทั่วโลก จะต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่างที่สร้างความพิเศษให้กับตัวอักษรชุดนี้ ที่ตัวอักษรอื่นไม่สามารถแทนที่ได้?



คำตอบของเหตุผล ทั้งหมดทั้งปวง ที่ฟังดูง่ายและธรรมดานั้นกลับอยู่ในตัวของ เฮลเวทิก้า นั่นเอง เพราะในความธรรมดาและความเป็นกลางที่ลงตัว ได้กลายเป็นเหตุผลง่ายๆที่ทำให้เฮลเวทิก้าคลาสสิค เป็นตัวอักษรที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวคือสามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้งเนื้อความที่ดี และเป็นตกแต่งพาดหัวได้อย่างไม่ยิ่งหย่อน เรียกได้ว่าใช้เป็นตัวเล็กก็อ่านง่าย ใช้เป็นตัวใหญ่ก็เข้าที รวมทั้งเป็นตัวอักษรที่สามารถนำมาใช้ร่วมกับตัวอักษรอื่นๆได้อย่างกลมกลืน ความสามารถดังกล่าวทำให้มันเข้าได้ในทุกโอกาสตั้งแต่โลโก้องค์กรไปจนถึงงานสามัญอย่างใช้พิมพ์รายงานหรือส่งอีเมลล์ก็ตาม

ถึงแม้ในปัจจุบันเฮลเวทิก้าจะเป็นตัวอักษรที่มีให้มากับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง แต่กลับไม่ได้ทำให้คุณค่ามันลดลง สำหรับคนทั่วไปอาจมองข้ามคุณค่าในตัวมันเพราะความเคยชิน แต่สำหรับนักออกแบบที่รู้เท่าทันการออกแบบ เฮลเวทิก้า เป็นตัวอักษรที่ได้รับการหยิบยกมาใช้ในการออกแบบมากที่สุดตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้



เดิมทีตัวอักษรต้นแบบของ เฮลเวทิก้า มีชื่อเรียกว่า Akzidenz Grotesk เป็นภาษาเยอรมัน ซึ่งเป็นที่รู้จักครั้งแรกตั้งแต่ยุต๖๐ และถือเป็นตัวอักษรที่เป็นสัญลักษณ์ของการบุกเบิกสมัยนิยม (modernist) ได้รับความนิยมอย่างสูงจาก Swiss Style ภายหลังเมื่อนำมาปรับปรุงโดยใช้เทคโนโลยีของ Linotype โดยเพิ่มขนาดความหนาของตัวอักษรให้หลากหลาย และได้นำออกขายภายใต้ชื่อใหม่ว่า เฮลเวทิก้า ซึ่งมาจากชื่อเรียกสวิตเซอร์แลนด์ในภาษาละติน และเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่งานรูปแบบ Swiss Style ด้วย หลังจากนั้นเป็นต้นมา เฮลเวทิก้า ก็กลายมาเป็นตัวอักษรที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดผลในทิศทางตรงกันข้าม เมื่อเป็นที่นิยมจนถึงจุดสูงสุด เฮลเวทิก้า ก็เคยถึงยุคตกต่ำด้วยเช่นกัน ในยุด๘๐ ได้เกิดกระแสต่อต้านตัวอักษรประเภท modernist โดยการออกแบบตัวอักษรแบบใหม่ๆขึ้นมาเพื่อสนองกับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ ทำให้ เฮลเวทิก้า ถูกลืมเลือนไป แต่หลังจากนั้นในยุค๙๐ เมื่อนักออกแบบเริ่มต้องการกลับสู่ความเรียบง่ายอีกครั้ง เราจึงได้เห็นการกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีอีกครั้งของ เฮลเวทิก้า ด้วยรูปแบบร่วมสมัยไม่เปลี่ยนแปลง



เฮลเวทิก้า ตัวอักษรคลาสสิกที่สร้างปรากฎการณ์ความเป็นอมตะมากกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งหมดนี้อาจฟังดูยิ่งใหญ่และลึกซึ้งสำหรับคำจำกัดความต่อตัวอักษรหนึ่งชุด แต่หากเทียบตามระยะเวลาอายุการคงอยู่ของมันจะเห็นว่าประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน รวมทั้งเหตุผลที่สร้างให้มันได้รับการยอมรับและสามารถคงอยู่ได้อย่างยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบันต่างหากที่เป็นตัวบ่มคุณค่าให้กับตัวของมัน

Wednesday, October 31, 2007

5.5 x 9 cm. เพื่อแนะนำตัว

วิธีทำความรู้จักหรือแนะนำตัวกับคนที่เพิ่งพบเจอกันครั้งแรก อาจทักทายกันด้วยท่าทีหรือการพูดจา แต่สำหรับโลกที่ต้องติดต่อสื่อสารกันเชิงธุรกิจ อาจมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้ต้องร่นระยะเวลาในการทำความรู้จักให้สั้นที่สุด การกระทำดังกล่าวจึงถูกแทนที่ด้วยวัตถุสำคัญหนึ่งชิ้นที่กลายเป็นปัจจัย"จำเป็น" ที่ต้องหยิบยื่นให้กันและกัน

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสออกแบบนามบัตรให้กับคุณ James Clark (เจมส์ คลาร์ค) ชาวอังกฤษ นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้บุกเบิก.xml ที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งถ้าใครรู้จักโปรแกรมนี้ ก็ต้องรู้จักเขา เขาเป็นหนึ่งในจำนวนน้อยคนที่ให้ความสำคัญกับนามบัตรและถือว่ามันเป็นตัวแทนการแสดงออกถึงตัวตนของเขาให้คนอื่นได้เห็น สำหรับโจทย์ของการออกแบบคือออกแบบยังไงก็ได้ให้แสดงออกถึงความเป็นตัวตนเขา ให้เขาชอบและพอใจมากที่สุด คุณเจมส์เป็นลูกค้าที่รู้ความชอบของตัวเองและรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เขาไม่ต้องการให้นามบัตรของเขาดูเท่ ดูเว่อร์ หรือดูเฉียบเกินกว่าที่มันควรจะเป็น เขาเป็นชาวอังกฤษที่ต้องการให้ชื่อของเขาเขียนด้วยภาษาไทยบนนามบัตร เพราะเขารู้สึกว่าการที่เขาอยู่เมืองไทย พูดภาษาไทย การใช้ภาษาไทยทำให้นามบัตรของเขาเป็นมิตรต่อผู้รับมากกว่า



ระยะเวลาในการออกแบบนามบัตรเพียง ๑ ใบกับระยะเวลากว่า ๕ เดือน ช่างเป็นระยะเวลาในการออกแบบที่ยาวนาน ไม่ใช่ว่าการทำงานเป็นไปอย่างล่าช้า แต่ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างละเอียดและพิถีพิถันที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราพูดถึงความละเอียดที่นอกเหนือจากการเลือกวัสดุ, สี, คู่สี, สไตล์, ตัวอักษร, ตำแหน่งที่ตั้ง, องศา ความละเอียดที่ครั้งหนึ่งถึงขนาดต้องยกคอมพิวเตอร์ไปที่บ้านคุณเจมส์ เพราะการดูในภาพคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะได้ค่าสีที่คลาดเคลื่อนกันเล็กน้อย และคุณเจมส์ต้องการลองปรับเปลี่ยนเลื่อนตำแหน่ง องศาให้ครบทุกความเป็นไปได้ ความละเอียดทุกขั้นตอนเป็นความละเอียดที่เกินกว่าคนทั่วไปที่จะให้ความสำคัญกับนามบัตรเพียงหนึ่งใบ

นับเป็นนามบัตรหนึ่งใบที่ทั้งลูกค้าและผู้ออกแบบต่างภูมิใจที่สุดเมื่อเห็นผลสำเร็จ เพราะมันเป็นการบรรจบ ณ จุดกึ่งกลางระหว่างความพอใจสูงสุดของลูกค้าและผู้ออกแบบ ซึ่งน้อยครั้งที่จะมีลูกค้าที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรมากที่สุดพร้อมกับยอมรับฟังเหตุผลของผู้ออกแบบ

ผู้ที่ได้รับนามบัตรของคุณเจมส์น่าจะได้รับพร้อมกระดาษคำอธิบายกระบวนการออกแบบทุกขั้นตอนตลอดระยะเวลา ๕ เดือนแทรกไปด้วย เชื่อว่ามันคงจะทำให้ผู้รับเห็นคุณค่าของนามบัตรใบเล็กๆใบนี้มากขึ้นอีกหลายเท่า