Thursday, April 3, 2008

ความสุขของกะทิ




หลังจากที่ปล่อยปละละเลยบล๊อคให้ร้างมายาวนานกว่า 3 เดือน จนความละอายใจค่อยๆทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาของการพลัดวันประกันพรุ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องเวลาเป็นข้ออ้างเพื่อแก้ตัว เพราะถ้าคิดจะทำจริงๆ มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาหักล้างกันได้อยุ่แล้ว และแล้วในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะต้องจัดการสะสางรวบยอดซะที เลยคิดอยากจะทยอยเอางานในช่วงที่ห่างหายไปมาลงเป็นบันทึก

เริ่มจากงานเลทเทอร์ริง "ความสุขของกะทิ" ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่สร้างจากสุดยอดวรรณกรรมประทับใจรางวัลซีไรต์ปี ๒๕๔๙ จากหน้ากระดาษถูกนำมาสร้างให้อยู่บนแผ่นฟิล์ม

หนังที่นำเสนอความสุขของ"กะทิ" เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องผ่านประสบการณ์การสูญเสียครั้งสำคัญที่สุด เมื่อแม่ต้องจากไปก่อนวัยอันควร แต่ก็ยังเข้มแข็ง และยังสามารถเลือกหนทางที่ทำให้ชีวิตของเธอมีความสุขได้ หนังที่ให้ความรุ้สึกอบอุ่นแก่ผู้ดู และให้แง่คิดที่ดี เมื่อดูหนังจบแล้วจูงมือกันออกจากโรงด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและสร้างความรู้สึกสุขใจให้กับผู้ชมได้ทุกกลุ่ม





จากเรื่องราวที่แสดงถึงความรัก ความผูกผัน ความอบอุ่น นำมาเป็นคอนเซปต์หลักทางด้านนามธรรมเพื่อต่อยอดให้เกิดภาพเป็นรูปธรรมให้ชัดเจนที่สุด ได้เลือกแสดงออกผ่านการออกแบบฟอร์มตัวอักษรภาษาไทยที่มีลายเส้นเชื่อมโยง สอดคล้องกัน เพื่อให้เกิดความเป็นองค์ประกอบเดียวกัน เป็นกลุ่มก้อน มากกว่าการเขียนในลักษณะให้อ่านตามแนวขวางตามปกติ และมีการตัดทอนฟอร์มของตัวอักษร และใช้ความสอดคล้องของลายเส้นใหเ้กิดประโยชน์ ในแบบร่างจึงพยายามนำเสนอเรื่องความผูกพันในเชิงของนามธรรม เชื่อมต่อกันเป็นลักษณะคล้ายๆกับรูปหัวใจสอดแทรกลงไปด้วย เพื่อให้เกิดความหมายลึกซื้งยิ้งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้นำเสนอให้ออกมาให้ดูเป็นหนังสำหรับเด็กเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อให้ดูเหมาะกับทุกวัย เลทเทอร์ริงที่ได้ออกมาจึงให้ความรู้สึกเป็นมิตรต่อผู้อ่าน มีความร่วมสมัยและไม่เป็นไทป์เซตติ้งนิ่งๆ เพียงอย่างเดียว เราพยายามปฎิเสธแนวทางการออกแบบเล็ตเทอริ่งแบบชื่อภาพยนตร์แบบทั่วไปที่มักใช้ เพราะมันทำให้ดูเหมือนๆกันไปหมด


Wednesday, April 2, 2008

หรรษานาสิก



งานไทยเลตเทอร์ริงชิ้นนี้ เป็นโลโก้ “ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อไว้ใช้สูดดม ให้อารมณ์ดี” ลูกค้าที่อารมณ์ดีมากๆว่ามาอย่างนั้น มีชื่อที่แปลกสะดุดหูว่า "หรรษานาสิก" (ถ้าแปลตรงๆตัวก็ความรื่นรมณ์ทางจมูกนั่นเอง) หลังจากที่ได้ชื่อ และเริ่มการวิเคราะห์แนวทางการออกแบบจากตัวผลิตภัณฑ์แล้ว เลยเกิดความคิดว่าน่าจะนำเสนออกมาในลักษณะที่ยังมีกลิ่นอายความคลาสสิกของไทย แต่แฝงความอารมณ์ดีเอาไว้ ซึ่งคิดว่าเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่เราสามารถนำมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับการเป็นโลโก้ของสินค้าในปัจจุบันได้

ในการออกแบบโลโก้ "หรรษานาสิก" เริ่มจากการค้นคว้าทั้งวิธีการเขียนและวิธีการใช้ตัวอักษรไทยในสมัยโบราณในรูปแบบต่างๆกัน เพื่อหาความเป็นไปได้ในการนำมาประยุกต์ จากตัวอักษรในสมัยก่อนที่ล้วนประดิษฐ์ขึ้นด้วยมือ ซึ่งถ้ามองจริงๆแล้วตัวอักษรแต่ละตัวมีเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะตัวที่หลากหลาย สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างให้ความรู้สึกเป็นอิสระ และไม่ยึดติดกับรูปทรงที่แน่นอน แม่นยำ และตายตัว มีศักยภาพล้นเหลือที่จะสามารถหยิบจับมาพัฒนา ดัดแปลงต่อยอดต่อไปได้ โดยหาลักษณะจุดเด่นจากเอกลักษณ์เหล่านั้นมาจัดระบบ สร้างองค์ประกอบ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ และดูร่วมสมัยเหมาะสมกับความเป็นปัจจุบัน

ความเฉิ่มเชยเป็นสิ่งที่เอามาสื่อสารได้ยากเพื่อให้ความรู้สึกตกไปอยู่ในข้างของความน่ารัก งานออกแบบที่เป็นลักษณะตัวสคริบแบบสติกเกอร์สองแถว หรืออะไรที่เป็นลูกทุ่งไปก็จะเป็นปัญหาต่อแบรนด์ เราจึงมามองที่ความเก๋าของตัวอักษรสไตล์ร้านรับตัดเสื้อบูติก หรือความโมเดินท์ของกรุงเทพในยุคก่อนแทน ซึ่งแบบตัวอักษรจะเป็นอะไรที่ทื่อๆและไม่ออแกนิคมากนัก เป็นความร่วมสมัยของกรุงเทพในสมัยก่อนให้ความเฉิ่มสำหรับคนสมัยนี้โดยไม่ลูกทุ่งเกินไป

ความแตกต่างระหว่างเลทเทอร์ริงในแนวนี้สวนทางกันกับงานอย่าง "ความสุขของกะทิ" ซึ่งเป็นเลทเทอร์ริงที่พยายามสร้างโครงสร้างการอยู่รวมกันของตัวอักษรใหม่ (การเลือกใช้ฟอร์ม การจัดวาง ไปจนถึงการสร้างฟอร์มที่เป็นกลุ่มก้อน) เพื่อให้แตกต่างออกไปจากลักษณะการใช้ภาษาไทยแบบดั่งเดิม กลับกันกับเลทเทอร์ริง "หรรษานาสิก" ที่ต้องการจะดึงลักษณะเฉพาะบางประการของตัวอักษรไทยแบบเก่ามาสร้างสรรค์งานเพื่อใช้ในปัจจุบัน